รับผลิตอาหารเสริมปรับสมดุลฮอร์โมน 500 มิลลิกรัม

อาหารเสริมปรับสมดุลฮอร์โมน ในวัยหมดประจำเดือน


ส่วนประกอบ
1.ถั่งเช่าธิเบต  150 มิลลิกรัม 
2.โกจิเบอรร์รี่  70 มิลลิกรัม
3.โสมอเมริกัน 70 มิลลิกรัม
4.สารสกัดจากหอยนางรม  50 มิลลิกรัม
5. สารสกัดจากเมล็ดองุ่น  100 มิลลิกรัม
6.วิตามินดี  400 IU   หน่วยสากล  หรือเท่ากับ 0.010มิลลิกรัม
D3 =0.025  คูณ 400   เท่ากับ 10 ไมโครกรัม   
1ไมโครกรัม เท่ากับ 0.001 มิลลิกรัม 
แคปซูล 500 มิลลิกรัม
ทานวันละ2 แคปซูล หลังอาหารเย็น

ถั่งเช่าทิเบต
สุดยอดสมุนไพรอายุวัฒนะมูลค่าสูง ให้สารอาหารครบถ้วนช่วยชะลอวัย ทำให้สดชื่นไม่อ่อนเพลีย ปรับสมดุลและฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย ลดน้ำตาล คอเลสเตอรอล บำรุงไต เพิ่ม oxygen ในเลือด บำรุงผิวพรรณให้ขาวใส

โกจิเบอร์รี่
มีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีวิตามินซีสูงกว่าส้มถึง 500 เท่า ช่วยบำรุงผิวพรรณและสายตา ป้องกัน UV

โสมอเมริกัน
ช่วยคลายความปวดเมื่อย หลับสนิท ช่วยต้านความเครียด 

สารสกัดจากหอยนางรม
ช่วยการทำงานของระบบประสาท บำรุงเลือด กระตุ้นระบบสืบพันธุ์ บำรุงกำลัง

สารสกัดจากเมล็ดองุ่น
สารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยบรรเทาอาการร้อนวูบวาบ ลดการอาการซึมเศร้าและช่วยเรื่องการนอนหลับให้หลับดียิ่งขึ้น

วิตามินดี
ช่วยในเรื่องการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ป้องกันไวรัสและแบคทีเรีย ช่วยลดการอักเสบ ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและบรรเทาอาการซึมเศร้า

วัยทอง (Menopause) คือ ภาวะที่สตรีเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน โดยรังไข่หยุดการผลิตไข่ ส่งผลให้ไม่มีประจำเดือนอีกต่อไป ผู้หญิงที่เข้าสู่วัยทองจะมีอายุเฉลี่ยประมาณ 45-55 ปี  การที่รังไข่หยุดทำงานทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเพศหญิงที่เรียกว่า "เอสโตรเจน" ได้น้อยลง ซึ่งส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายและจิตใจ โดยที่อาการไม่พึงประสงค์ช่วงวัยทองอาจหายไปเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยชรา หรืออาจคงอยู่ไปตลอดจนสิ้นอายุขัยก็ได้
"วัยใกล้หมดประจำเดือน"
ข้อมูลจากเว็บไซต์คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า สัญญาณที่บ่งบอกว่าผู้หญิงกำลังย่างเข้าสู่วัยทองนั้น อาจจะแสดงอาการล่วงหน้าประมาณ 3-4 ปี คือก่อนที่รังไข่จะหยุดทำงาน และหยุดผลิตฮอร์โมน นั่นคือ ประจำเดือนจะเริ่มมาผิดปกติ เช่น จะมาเดือนละ 2-3 ครั้ง หรือมาบ้างไม่มาบ้าง ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ารังไข่ทำงานน้อยลง แต่หากประจำเดือนขาดหายไปนาน 1 ปีเต็ม ก็แสดงว่ารังไข่ได้หยุดทำงานแล้ว และถือว่าได้เข้าสู่วัยทองอย่างสมบูรณ์ โดยเฉลี่ยผู้หญิงไทยจะหมดประจำเดือน เมื่ออายุประมาณ 48-50 ปีอย่างไรก็ตาม ความแตกต่างทางร่างกายของผู้หญิงทำให้ภาวะหมดประจำเดือนของแต่ละคนไม่เหมือนกัน โดยผู้หญิงประมาณ 15-20% จะไม่มีอาการไม่พึงประสงค์ใด ๆ นอกจากประจำเดือนหมดไปเฉย ๆ

อาการที่คนวัยทองพบบ่อย ได้แก่
• ร้อนวูบวาบ หนาว ๆ ร้อน ๆ
• ชาตามปลายมือ ปลายเท้า
• หงุดหงิดง่าย โมโหง่าย ใจน้อย ซึมเศร้า
• ช่องคลอดแห้ง แสบ บางรายมีอารมณ์ทางเพศลดลง
• ปัสสาวะบ่อย และกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
• ผิวหนังแห้ง หนังศีรษะบาง ผมร่วง
• มีปัญหาเรื่องการนอน นอนน้อย นอนไม่หลับ
• อ้วนขึ้น เพราะระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานได้น้อยลง
• ผู้หญิงที่หมดประจำเดือนไปนานแล้ว มักพบปัญหากระดูกพรุน โรคหลอดเลือดหัวใจ และสมองเสื่อม
คำแนะนำสำหรับสตรีวัยทอง
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล แนะนำการปฏิบัติตนสำหรับสตรีวัยหมดประจําเดือน เช่น
• หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งจะช่วยลดอาการร้อนวูบวาบได้
• ออกกําลังกายเป็นประจำ จะช่วยลดปัญหานอนไม่หลับ ทําให้อารมณ์ดีขึ้น อีกทั้งยังทําให้กระดูก และสุขภาพแข็งแรงขึ้น
• รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ปลา ผัก และผลไม้ เพื่อปรับฮอร์โมนให้คงที่ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด และควรเพิ่มฮอร์โมนเอสโตรเจนจากธรรมชาติด้วยการรับประทานอาหารจําพวกถั่วเหลือง หรือพืชผักใบเขียว เพื่อช่วยลดอาการหงุดหงิด และอารมณ์แปรปรวน

การรักษา
หากมีอาการเพียงเล็กน้อยก็มักจะหายไปเองตามธรรมชาติ โดยให้รักษาไปตามอาการ แต่หากอาการรุนแรงโดยเฉพาะอาการร้อนวูบวาบ มีเหงื่อออกมาก ก็ควรได้รับฮอร์โมนทดแทนเพื่อลด

อาการ
อย่างไรก็ตาม อาการของสตรีวัยหมดประจําเดือนไม่ใช่อาการร้ายแรง และไม่ควรวิตกกังวลมากจนเกินไป แต่สิ่งที่ผู้หญิงวัยนี้ควรหมั่นสังเกต คือ หากว่ามีเลือดออกจากช่องคลอดกะปริบกะปรอย หรือออกนานกว่าปกติควรไปพบแพทย์
 
 
1.ถั่งเช่าทิเบต
 “ ถั่งเช่าทิเบต ”  เป็นสมุนไพรที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีนและทิเบต  ขึ้นชื่อถึงความเป็นสุดยอดหรือราชาของสมุนไพรทั้งหลายเป็นที่รู้จักและนิยมกันอย่างแพร่หลายมาแต่โบราณ  ด้วยสรรพคุณที่โดดเด่นทางยาและมีสารต่าง ๆ  ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมีคุณสมบัติสำคัญเป็น “ ยาอายุวัฒนะ ”  คืนความหนุ่มสาวให้กับร่างกาย 
          คุณสมบัติของถั่งเช่าคือมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายได้แก่ สารโปรตีน กรดอะมิโน  
วิตามินบี 1  วิตามินบี 2  วิตามินบี 12 วิตามินอี  วิตามินเค  สารคอร์ไดเซปิน  กรดคอร์ไดเซปิก  เป็นต้น  ที่มีส่วนสำคัญต่อการทำงานของร่างกายช่วยในการฟื้นฟูสุขภาพของเซลล์  ป้องกันเซลล์แก่  และกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนเพศเพื่อลดปัญหาวัยทอง
          ด้วยสรรพคุณข้างต้นทำให้ผู้คนนิยมรับประทานสมุนไพร  “ ถั่งเช่าทิเบต ”  เพื่อบำรุงร่างกายชะลอวัยชราและแก้ปัญหาวัยทอง  ที่น่าสนใจคือ  “ ถั่งเช่าทิเบต ”  เป็นอีกหนึ่งอาหารสมุนไพรบำรุงสุขภาพสำหรับทุกเพศทุกวัยรับประทานได้ตั้งแต่คนหนุ่มสาวจนถึงผู้สูงอายุ  ด้วยเหตุผลนี้ผู้คนจึงนิยมรับประทานถั่งเช่าเพราะหนุ่มสาวรับประทานได้เพื่อบำรุงสุขภาพ  ผู้สูงอายุรับประทานเพื่อฟื้นฟูเซลล์ในร่างกาย  ป้องกันโรคสมองเสื่อม  ชะลอวัยเป็นยาเพิ่ม  “ อายุวัฒนะ ”  เสริมสร้างภูมิต้านทานโรคทั้งโรคเรื้อรังและโรคติดต่อ  สุขภาพร่างกายแข็งแรงสดใสทำให้มีสุขภาพจิตดีแจ่มใสในทุก ๆ วัน
 
2.สารสกัดจากเมล็ดองุ่น
สารสกัดจากเมล็ดองุ่นอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ ไฟเบอร์ และ สารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยบรรเทาอาการร้อนวูบวาบลดการอาการซึมเศร้าและช่วยเรื่องการนอนหลับให้หลับดียิ่งขึ้นซึ่งจากผลการวิจัยในผู้เข้าร่วมการวิจัย 91 คนที่เข้าสู่ภาวะ วัยทองพบว่า ผู้หญิงที่ได้รับประทานสารสกัดจากเมล็ดองุ่น 200 มิลลิกรัม เป็นเวลา 8 สัปดาห์ มีอาการร้อนวูบวาบน้อยกว่า นอนหลับดีกว่า และมีจิตใจแจ่มใสมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มผู้หญิงที่มีภาวะเดียวกันที่ไม่ได้บริโภคสารสกัดจากเมล็ดองุ่น 
 
3. วิตามินดี
วิตามินดี มีชื่อเรียกอีกอย่างนึงว่า “Sunshine Vitamin” ซึ่งวิตามินดีนั้นมีประโยชน์มากมาย ตัวอย่างเช่น ช่วยในเรื่องการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ป้องกันไวรัสและแบคทีเรีย ช่วยลดการอักเสบ ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและบรรเทาอาการซึมเศร้า อย่างที่ทุกคนทราบกันดีแล้วว่าวิตามินดีนั้นมีประโยชน์กับคนทุกวัย อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้หญิงที่อายุ 40 ปีขึ้นไป ร่างกายมักจะได้รับวิตามินดีน้อยลง ผู้หญิงที่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือนควรได้รับวิตามินดีที่เพียงพอ เพราะสามารถ ช่วยให้อาการข้างเคียงต่างๆดีขึ้นได้ และ อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญ ที่เราควรทราบกันไว้ก็คือ วิตามินดีไม่สามารถพบได้ในอาหารที่เรารับประทานในทุกวัน ดังนั้น เราจำเป็นต้องได้รับวิตามินจากแสงแดดในตอนเช้าหรือจากการทานอาหารเสริม สำหรับผู้หญิงที่อายุต่ำกว่า 40 ปี เราแนะนำให้ทานวิตามิดี 200 IU ต่อวัน และในผู้สูงวัยควรทานวิตามินดี 400 IU ต่อวัน หรือออกไปรับแสงแดดในตอนเช้า 20 นาทีในทุกๆวัน 
 
4.โกจิเบอร์รี่
แพทย์แผนจีน แนะนำให้ผู้ที่ประสบปัญหากับอาการไม่พึงประสงค์เมื่อเข้าสู่วัยทอง ทานโกจิเบอร์รี่ (เม็ดเก๋ากี้) เนื่องจากโกจิเบอร์รี่อุดมไปด้วยสารอาหารที่ช่วยกระตุ้นการผลิตฮอร์โมน (HGH) ช่วยให้สุขภาพแข็งแรง ช่วยให้มีอายุที่ยืนยาวมากขึ้น ช่วยในการทำงานของระบบต่างๆในร่างกาย และ ยังช่วยในเรื่องของสุขภาพ ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยทำให้ผ่อนคลาย ส่งเสริมการนอนหลับให้ดีขึ้น ลดความตึงเครียด ซึ่งสำหรับคนจีนแล้ว กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด 
 
เก๋ากี้หรือโกจิเบอร์รี่  (Gojiberry)  เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งในตระกูลเบอร์รี่มีต้นกำเนิดในประเทศจีน  ทิเบต  ดินแดนเทิอกเขาหิมาลัย  มีบันทึกในประวัติศาสตร์ย้อนไปถึง  2,000  ปี ที่กล่าวถึงว่าเป็นสมุนไพรส่วนประกอบในตำรับยาแพทย์จีนโบราณ  เป็นที่นิยมในกลุ่มชนชั้นสูงในอดีตจัดเป็นสมุนไพรตำรับยาอายุวัฒนะ  อีกชนิดหนึ่งรวมถึงสมัยปัจจุบันนี้ยังจัดเป็นซุปเปอร์ฟูด  (Super Food)  อีกด้วย
         
          ผลจากการวิจัยของ  Dr.Earl Mindell  กล่าวถึง  เก๋ากี้หรือโกจิเบอร์รี่ว่าทรงคุณค่าทางโภชนาการมากที่สุดโดยมีกรดอะมิโน  19  ชนิด  มีแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการรวม  21  ชนิด ได้แก่  สังกะสี  เหล็ก  ทองแดง  แคลเซียม  ฟอสฟอรัส  ซิลีเนียม  และเจอร์มาเนียม  (ทำลายเซลล์มะเร็ง)  มีวิตามินซีสูงกว่าส้มถึง  500  เท่า  มีวิตามินบี 1  บี 2  บี 6  และวิตามินอี  ปรับความดันโลหิตให้เป็นปกติ  ฟื้นฟูเซลล์ที่ถูกทำลายจากสารเคมีหรือรังสีให้กลับสู่ภาวะปกติได้เร็วขึ้น  มีแอนตี้ออกซิแดนซ์  ต่อต้านอนุมูลอิสระจากการทำลายเซลล์และชะลอความชรามากที่สุดในโลก  สรรพคุณและประโยชน์จากเก๋ากี้ที่ส่งผลดีต่อระบบภายในของเรารวมถึงผลดีต่อรูปลักษณ์ภายนอกด้วยมีมากมายดังต่อไปนี้
 
ป้องกันไขมันอุดตันไขมันส่วนเกินและเบาหวาน
          โกจิเบอร์รี่เร่งการเผาผลาญไขมันได้ดีจึงช่วยป้องกันความเสี่ยงในการเป็นไขมันอุดตัน  ทำให้ร่างกายสามารถเผาผลาญพลังงานที่มาจากน้ำตาลได้ดีทำให้ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานได้  และจากการทดลองใช้สารโพลีแซคคาไรด์ในโกจิเบอร์รี่กับกลุ่มทดลองพบว่าสามารถทำให้ลดระดับน้ำตาลในเลือดได้
 
          ในโกจิเบอร์รี่มีสารโพลีแซคคาไรด์ 4 ชนิด คือ LBP-1 , LBP-2 , LBP-3 , LBP-4 ที่มีส่วนในการลดน้ำหนักร่างกายโดยกระบวนการเปลี่ยนไขมันให้เป็นพลังงาน ทำให้ไม่เกิดไขมันสะสมในร่างกาย  ลดโอกาสการเป็นโรคเบาหวานจากการปรับให้น้ำตาลและอินซูลินในเลือดมีความสมดุล และสารดังกล่าวยังสามารถปรับความดันเลือดให้เป็นปกติป้องกันการเกิดโรคอ้วน  โรคความดันโลหิตสูง  โรคหลอดเลือดหัวใจ
 
บำรุงสมองป้องกันอัลไซเมอร์ คลายเครียด เพิ่มสุขภาวะต่อการหลับนอน
          สารสำคัญชนิดหนึ่งในโกจิเบอร์รี่คือ  บีเทน  (Betaine)  มีคุณสมบัติให้เกิดการสร้างสารโคลีน  (Choline)  เป็นสารประกอบสำคัญสำหรับสมองช่วยเสริมสร้างและพัฒนาสมอง ความจำ จึงมีส่วนป้องกันโรคอัลไซเมอร์
 
          ผลการวิจัยของการดื่มน้ำโกจิเบอร์รี่โดย  Amagase  H.  ต่อระบบการทำงานภายในร่างกายพบว่าการดื่มน้ำโกจิเบอร์รี่ติดต่อกัน  14  วัน  ทำให้การนอนหลับดีขึ้น  ระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น  การเคลื่อนไหวต่าง ๆ  ของร่างกายดีขึ้น  ความเครียดความกังวลน้อยลงมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น  มีผลดีขึ้นต่อความจำระยะสั้น  สมาธิ
 
บำรุงสายตา
          โกจิเบอร์รี่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระปริมาณสูง  โดยเฉพาะสารซีแซนทีน  ไดปาล์มีเตท  (Zeaxanthin  Dipalmitate)  เป็นสารที่เป็นส่วนประกอบในจอตา  ผลจากงานวิจัยมหาวิทยาลัยมิชิแกน  สหรัฐอเมริกา  พบว่าซีแซนทีนชะลออาการเสื่อมของประสาทตา  จอประสาทตา  ส่งเสริมการมองเห็นของผู้สูงอายุได้  รวมถึงงานวิจัยของศาสตราจารย์เบซิล  มหาวิทยาลัยซิดนีย์  ออสเตรเลีย  พบว่าสารเทารีน  (Taurine)  ในโกจิเบอร์รี่มีผลดีต่อการมองเห็นของผู้ป่วยเบาหวาน  ลดความเสี่ยงการเกิดโรคตาบอดสำหรับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1  ชนิดที่ 2  ได้  และยับยั้งการตายของเซลล์ในจอประสาทตาได้
 
ต้านอนุมูลอิสระบำรุงผิวพรรณ  ต้านเซลล์มะเร็ง
          การวิจัยเกี่ยวกับสารต้านอนุมูลอิสระในโกจิเบอร์รี่พบว่าโกจิเบอร์รี่  100 กรัม  จะมีค่า  ORC  (Oxygen Radical  Absorbance  Capacity)  สูงถึง  25,300  หน่วย  เป็นยาอายุวัฒนะหรือซุปเปอร์ฟูด  ที่ชะลอวัย  ยับยั้งการเกิดริ้วรอยของผิวพรรณ  ดูแลรักษาผิวพรรณให้สวยงาม  เปล่งปลั่ง  สดใส  ไม่หมองคล้ำ  มีภูมิต้านทานต่อรังสี  UV
 
          วิตามินซีที่มีอยู่มากในโกจิเบอร์รี่ที่มากกว่าส้มถึง  500  เท่า  บำรุงผิวพรรณ  สร้างเซลล์ผิวใหม่  ชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย  ยับยั้งการเกิดฝ้าที่เกิดจากเม็ดสีเมลานิน  ที่สำคัญยังสร้างคอลลาเจนให้กับเนื้อเยื่อด้วย
 
 
          และมีผลการศึกษาจากวารสาร  Agricultural  and  Food  Chemistry  ปี  2008  กล่าวถึงการที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมากในโกจิเบอร์รี่จึงสามารถปกป้องเซลล์ร่างกายจากการถูกทำลายด้วยเซลล์มะเร็ง  ซ่อมแซมเซลล์ที่เกิดการอักเสบ  ปกป้องเซลล์จากความเสื่อมและป้องกันการเกิดเนื้องอกได้   และงานวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพของโกจิเบอร์รี่ต่อมะเร็งลำไส้ใหญ่บ่งชี้ว่าสารโพลีแซคคาไรด์โกจิเบอร์รี่อาจเป็นสารต้านมะเร็งได้
 
          จะเห็นได้ว่าเก๋ากี้หรือโกจิเบอร์รี่นี้เป็นสุดยอดอาหาร  ซุปเปอร์ฟูดและยาอายุวัฒนะ  สำหรับผู้คนในสมัยโบราณนานมาจนถึงปัจจุบัน  เป็นอาหารที่มีประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้คนในยุคสมัยนี้อย่างยิ่งด้วย  ซึ่งดูแลบำรุงสุขภาพผู้คนเราจากระบบการทำงานภายในเรื่องภูมิคุ้มกัน  ไขมัน  เบาหวาน  สมอง  ความจำ  ส่งผลดีออกมาสู่ภายนอกในเรื่องสายตาการมองเห็น  ผิวพรรณและสุขภาพจิตที่ดี  นอนหลับง่าย
 
          ซึ่งการรับประทานโกจิเบอร์รี่จากอดีตจนถึงปัจจุบันมีทั้งการนำมาทำเป็นน้ำผลไม้  นำมาเป็นส่วนประกอบในอาหารเช่น  ซุป  ต้มตุ๋นยาจีน  และนำมาเป็นผลไม้อบแห้ง ได้สกัดเฉพาะสารออกฤทธิ์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายจากโกจิเบอร์รี่ออกมาในรูปแบบสารสกัดในปริมาณที่เข้มข้น  รับประทานง่าย  ไม่ยุ่งยาก  เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ให้คุณประโยชน์และคุ้มค่าต่อการดูแลรักษา  ชะลอวัย  ให้มีสุขภาพที่ดีและแข็งแรงต่อผู้บริโภคไปอีกนาน
 
5. โสมอเมริกัน  
โสมอเมริกัน ช่วยลดอาการวิงเวียนศีรษะ ปวดหัว อาการของผู้หมดประจำเดือน ระบบประสาทเหนื่อยล้า และอาการเหน็ดเหนื่อย เนื่องจากโสมอเมริกันสามารถช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งเราแนะนำให้รับประทาน โสมอเมริกันมากกว่าตัวอื่นๆ เนื่องจากโสมตัวอื่นๆทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น ซึ่งผู้ที่อยู่ในช่วงหมดประจำเดือนควรหลีกเลี่ยง
 
6. สารสกัดจากหอยนางรม
หอยนางรม เป็นแหล่งรวมสารอาหารสำคัญต่อร่างกายรวมถึงวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น สังกะสี ( Zinc ) ทองแดง วิตามินบี 12 วิตามินดี โปรตีน และโอเมก้า 3 เป็นต้น  เป็นอาหารทะเลที่มีไขมันและแคลอรี่ต่ำ มีระดับไขมันคอเลสเตอรอลต่ำเมื่อเทียบกับอาหารทะเลชนิดอื่น ๆ เช่น ปลาแซลมอน ปู และกุ้ง เป็นต้น
หอยนางรมให้ประโยชน์ที่สำคัญและมีความจำเป็นต่อทั้งผู้ชายและผู้หญิงอย่างไรบ้าง
          1. หอยนางรมอุดมไปด้วยแร่ธาตุสังกะสีกระตุ้นโลหิตไหลเวียนไปเลี้ยงอวัยวะเพศได้ดีขึ้น หากผู้หญิงขาดสังกะสีอาจกระทบต่อระบบสืบพันธุ์โดยทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติ ชะลอการผลิตไข่ที่มีคุณภาพดี ทำให้ฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเทอโรนในผู้หญิงลดต่ำลง และมีงานวิจัยที่พบว่าสารสกัดจากหอยนางรมอาจกระตุ้นสมรรถภาพทางเพศและเพิ่มความทนทานในขณะมีเพศสัมพันธ์ได้ด้วย
 
          2.. สังกะสีจากหอยนางรมมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการสร้างฮอร์โมนเพศชาย คือ เทสโทสเตอโรน ( Testoterone ) ทำให้สมรรถภาพของร่างกายดีขึ้น ป้องกันโรคต่อมลูกหมากอักเสบ
 
          3. มีสารประกอบสำคัญคือ เทารีน ( Taurine ) ซึ่งส่งผลต่อการทํางานของระบบประสาท มีผลต่อการทํางานของต่อมหมวกไตซึ่งมีหน้าที่หลั่งฮอร์โมนเพศ และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างพลังงานให้กับร่างกาย มีส่วนในกระบวนสร้างฮอร์โมนเพศชายคือเทสโทสเตอโรนทําให้มีสมรรถภาพทางเพศที่ดีขึ้นและป้องกันต่อมลูกหมากอักเสบ
 
          4. จากการวิจัยค้นคว้าในห้องทดลองพบว่าสารสกัดจากหอยนางรมมีคุณสมบัติลดระดับไขมันคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์  รวมถึงลดระดับความดันโลหิตลง
 
          5. จากการวิจัยพบว่าสารสกัดโพลีแซคคาไรด์ ( Polysaccharide ) ในหอยนางรมลดระดับความดันโลหิตจากภาวะความดันโลหิตสูงได้
          6. หอยนางรมมีแคลเซียมและวิตามินดีที่สำคัญในกระบวนการสร้างกระดูก ซึ่งมีงานวิจัยทดลองพบว่าหอยนางรมอาจมีประสิทธิภาพในการรักษาและป้องกันโรคกระดูกพรุนได้
 
          7. แร่ธาตุสังกะสีในหอยนางรมช่วยนำวิตามินเอจากตับไปสร้างเม็ดสีเมลานินที่จอประสาทตา และจากการศึกษาเกี่ยวกับโรคตาที่สัมพันธ์กับอายุพบว่าการบริโภคอาหารที่อุดมไปด้วยสังกะสีอย่างหอยนางรมอาจชะลอการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมได้
 
          หอยนางรมจึงจัดเป็นอาหารที่มีแร่ธาตุสารอาหารวิตามินที่มีประโยชน์ต่อระบบสืบพันธุ์ทั้งเพศชายและเพศหญิงอย่างมาก บางบุคคลนิยมรับประทานหอยนางรมดิบซึ่งเป็นความนิยมและความเชื่อส่วนบุคคลซึ่งหอยนางรมที่ไม่ผ่านการปรุงสุกอาจมีการปนเปื้อนเชื้อโรคและสารเคมีเป็นพิษโดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรียวิบริโอ วัลนิฟิคัส ( Vibrio Vulnificus ) ที่อาจเป็นอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพได้ ดังนั้นความต้องการสารอาหารแร่ธาตุและวิตามินที่มีประโยชน์ต่าง ๆ ต่อร่างกายจากหอยนางรม ทำให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มาในรูปแบบสารสกัดหอยนางรมเป็นทางเลือกที่ดี เพราะได้ผ่านการสกัดมาเฉพาะในส่วนของวิตามินแร่ธาตุและสารอาหารที่เป็นประโยชน์เท่านั้นโดยไม่ส่งผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอื่น ๆ
 
รับผลิตสมุนไพรและอาหารเสริม