รับผลิตอาหารเสริมกรดไหลย้อน 500 มิลลิกรัม

รับผลิตอาหารเสริมกรดไหลย้อน ขายส่งอาหารเสริมกรดไหลย้อน



ส่วนประกอบ
1. ขมิ้นชันผง  200 มิลลิกรัม 
2. ลูกยอผง  200 มิลลิกรัม
3.กล้วยน้ำว้าดิบผง  70 มิลลิกรัม
4.ขิงผง  
5.L-Methionine  เมไทโอนีน
 
ทาน 1-2แคปซูล ก่อนอาหาร 15-30นาที 

 
สาเหตุของกรดไหลย้อน ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าอาจเกิดจาก ความเสื่อมตามอายุ มีความสัมพันธ์กับความอ้วน  ภาวะตั้งครรภ์ โรคเบาหวาน โรคไส้เลื่อนกะบังลม โดยปัจจัยเสริมนั้นมาจากการที่มีแรงดันภายในกระเพาะอาหาร และลำไส้ เช่น รัดเข็มขัดแน่นเกินไป มีแก๊สมากจากอาหารที่ไม่ย่อย หรืออาหารที่ก่อให้เกิดแก๊สหรือการหลั่งของกรดมากขึ้น เช่น น้ำอัดลม กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง แอลกอฮอล์ ***บุหรี่*** หัวหอม กระเทียม ซอสมะเขือเทศ น้ำมะเขือเทศ น้ำองุ่น น้ำผลไม้เปรี้ยว(เช่น น้ำส้มคั้น) ผลไม้เปรี้ยว ช็อกโกแลต สะระแหน่ หรืออาหารเผ็ดจัด เป็นต้น นอกจากนี้ อาหารย่อยยาก เช่น อาหารทอด อาหารมัน และยาบางชนิด จะทำให้กระเพาะอาหารเคลื่อนที่ช้าลง โอกาสเกิดกรดไหลย้อนก็มากขึ้น รวมทั้งการนอนราบการรับประทานอาหารที่อิ่มเกินไป ควรเอนตัวหลังจากทานอาหารไปแล้ว 2 ชั่วโมง และความเครียด ก็มีผลเช่นกัน การดูแลตัวเอง ควรลดละปัจจัยเสริมทั้งหมดที่กล่าวไว้ เพื่อลดการกำเริบของโรค
 
อาการของกรดไหลย้อนเป็นอย่างไรบ้าง ลองสังเกตตัวเองเบื้องต้นดูกัน
-มีอาการแน่น จุกเสียดบริเวณใต้ลิ้นปี่ 
-ปวดแสบปวดร้อนบริเวณอกบ่อยครั้ง
-มีอาการจุกเสียดแน่นคล้ายอาหารไม่ย่อย 
-เรอบ่อย 
-คลื่นไส้ อาจมีน้ำรสเปรี้ยวหรือขมไหลย้อนขึ้นมาในปากและคอ ไปจนถึงกลืนอาหารได้ลำบาก ในบางท่านที่เป็นเรื้อรังอาจพบอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ไอเรื้อรัง รู้สึกระคายเคืองคอตลอดเวลา เสียงแหบแห้ง หรือฟันผุ
 
1. ลูกยอ 
ลูกยอเป็นสมุนไพรพื้นบ้าน มีรสเผ็ดร้อน ช่วยบำรุงเลือดลม ปรับสมดุลฮอร์โมน ช่วยประจำเดือนมาดีขึ้น และลดอาการวัยทองได้ เนื่องจากมีไฟโตเอสโตรเจนธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ เสริมภูมิคุ้มกัน ต้านมะเร็ง
สำหรับประโยชน์ในการบรรเทากรดไหลย้อน ข้อมูลพบว่า ลูกยอช่วยเพิ่มการบีบตัวของหลอดอาหารทำให้หูรูดหลอดอาหารแข็งแรงขึ้น ทำให้อาหารเคลื่อนจากกระเพาะไปสู่ลำไส้เล็กได้ดีขึ้น ป้องกันหลอดอาหารอักเสบจากกรดไหลย้อน ช่วยย่อยอาหาร ขับลม ทำให้อาหารไม่ตกค้าง ไม่เกิดลมในกระเพาะอาหาร ลดการเกิดแรงดันที่ทำให้กรดไหลย้อน เร่งการสมานแผลของกระเพาะอาหาร ลดการอักเสบของกระเพาะอาหารเฉียบพลันจากแอลกอฮอล์
ปัจจุบันได้มีงานวิจัยสนับสนุนแนวคิดดังกล่าว อาทิ การศึกษาวิจัยในหนู พบว่า “ยอ” ซึ่งมีสารสำคัญคือ สโคโปเลติน (scopoletin) เป็นส่วนประกอบอยู่ด้วยนั้น สามารถลดการอักเสบของหลอดอาหารจากการไหลย้อนของกรดได้ผลดี พอๆ กับยามาตรฐานที่ใช้ในการรักษากรดไหลย้อนคือ รานิติดีน (ranitidine) และแลนโซพราโซล (lansoprazole) มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ต้านการหลั่งของกรด ต้านการเกิดแผลทำให้การบีบตัวของระบบทางเดินอาหารดีขึ้น มีผลต่อระบบประสาทที่เกี่ยวข้องโดยตรง ลดการหลั่งกรดได้ดีเทียบเท่ากับยา รานิติดีน (ranitidine) และแลนโซพราโซล (lansoprazole)
1.ลูกยอ รักษากรดไหลย้อนได้ โดยมีผลช่วย
- ช่วยเพิ่มการบีบตัวของหลอดอาหาร ทำให้หูรูดหลอดอาหารแข็งแรงขึ้น และทำให้อาหารเคลื่อนจากกระเพาะไปสู่ลำไส้เล็กได้ดีขึ้น 
- ช่วยป้องกันหลอดอาหารอักเสบจากกรดไหลย้อน 
- ช่วยย่อยอาหาร ขับลม ทำให้อาหารไม่ตกค้าง ไม่เกิดลมในกระเพาะอาหาร ลดการเกิดแรงดันที่ทำให้กรดไหลย้อน 
- ช่วยเร่งการสมานแผลของกระเพาะอาหาร
- ลดการอักเสบของกะเพาะอาหารเฉียบพลันจากแอลกอฮอล์ 
- ลดการหลั่งกรดได้ดีเทียบเท่ากับยาแผนปัจจุบัน รานิทิดีนและแลนโซพราโซล
ทั้งนี้ต้องปรับเรื่องพฤติกรรมการรับประทานอาหารร่วมด้วย และงดอาหารแสลง อาทิเช่น ของหมักดอง ข้าวเหนียว หน่อไม้  งดอาหารรสเผ็ดจัด จะเห็นผลดีที่สุดคะ
สมุนไพรที่แนะนำให้ใช้ร่วมกันได้คือ ขมิ้นชัน เนื่องจากขมิ้นชันมีสรรพคุณในการรักษาอาการท้องอืด และช่วยขับน้ำดีเพื่อย่อยไขมัน ทำให้อาหารไม่ตกค้างในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กนานเกินไป ทั้งช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้อีกด้วย สามารถรับประทานร่วมกันได้ในคนที่เป็นโรคกรดไหลย้อน
https://www.opsmoac.go.th/amnatcharoen-article_prov-preview-421391791906
www.opsmoac.go.th
opsmoac.go.th
สำนักงาน เกษตรและสหกรณ์จังหวัดอำนาจเจริญ

2. ขมิ้นชัน
ในขมิ้นชันนั้น อุดมไปด้วยวิตามิน เอ และ ซี มีคูเคอร์มิน (Curcumin) สารอาหารเหล่านี้จะช่วยลดการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน (oxidation)ในร่างกาย ช่วยลดการสะสมไขมันที่ตับ และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ช่วยลดอาการอักเสบ ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย จึงช่วยในการสมานแผล สามารถช่วยบรรเทาอาการแผลเรื้อรัง และเป็นหนองได้ (กรณีใช้ทาภายนอก)
นอกจากนี้ ขมิ้นชัน ยังมีประโยชน์ที่โดดเด่นในเรื่องของการรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ลำไส้ และระบบย่อยอาหารโดยรวม ช่วยบรรเทาอาการที่เกิดจากโรคกระเพาะอาหาร และกรดไหลย้อนได้ เช่น อาการปวด จุก เสียด แน่นท้อง และช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และอาการท้องเสียได้

ขมิ้นชันรักษากรดไหลย้อน
กรดไหลย้อน, บทความ / ขมิ้นมีประโยชน์อย่างไร, วิธีการใช้ขมิ้นในการรักษากรดไหลย้อน
ขมิ้นชันรักษากรดไหลย้อน ขมิ้นถูกใช้เป็นยาทางเลือกมานานนับพันปี  มันถูกใช้ในการรักษาโรคและเงื่อนไขต่าง ๆ ขมิ้นอุดมไปด้วยสารต้านการอักเสบและสารต้านอนุมูลอิสระ  
ในการแพทย์แผนจีนและอายุรเวท ขมิ้นถูกนำมาใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดข้ออักเสบและควบคุมการมีประจำเดือน  นอกจากนี้ยังใช้เพื่อปรับปรุงการย่อยอาหารและการทำงานของตับ และยังได้รับการยอมรับว่าเป็นทางเลือกหนึ่งในการรักษาอาการเสียดท้องและแผลในกระเพาะอาหาร
 
ขมิ้นมีประโยชน์อย่างไร
ขมิ้นอุดมไปด้วยสารต้านการอักเสบและสารต้านอนุมูลอิสระ ได้มีการยอมรับว่าเป็นการบำบัดทางเลือกสำหรับปัญหาระบบทางเดินอาหาร สารเคอร์คูมิน เป็นส่วนผสมที่สำคัญที่สุดของขมิ้น  มีการกล่าวกันว่ามีคุณสมบัติต้านไวรัส ต้านเชื้อแบคทีเรีย  และต้านมะเร็งที่มีศักยภาพ ทุกวันนี้ขมิ้นได้รับการยอมรับว่าเป็นทางเลือกหนึ่งในการรักษาอาการเสียดท้อง และแผลในกระเพาะอาหาร
ส่วนประกอบสำคัญที่สุดของขมิ้นเรียกว่าเคอร์คูมิน
เคอร์คูมิน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระโพลีฟีนอล นักวิจัยกล่าวว่าโรคกรดไหลย้อนและโรคกรดไหลย้อน (GERD) อาจเกิดจากการอักเสบและความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่น  การศึกษาชี้ให้เห็นว่ากรดไหลย้อน ควรได้รับการรักษาด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและป้องกันการอักเสบ แสดงให้เห็นว่าฤทธิ์ต้านการอักเสบของเคอร์คูมิน ป้องกันการอักเสบของหลอดอาหาร โดยขมิ้นและสารสกัดของขมิ้นชันมีทั้งกล่าวกันว่ามีสารต้านอนุมูลอิสระและคุณสมบัติต้านการอักเสบ  ด้วยเหตุนี้ขมิ้นจึงบรรเทาอาการกรดไหลย้อนได้นั่นเอง

วิธีการใช้ ขมิ้นชันรักษากรดไหลย้อน
ลำต้นหรือเหง้าของขมิ้นสามารถนำมาตากให้แห้งและบดเป็นผงได้  ผงสามารถนำมารับประทานหรือใช้เมื่อปรุงอาหาร ถ้าคุณไม่ใส่ขมิ้นลงในอาหารของคุณทั้งหมด หรือดื่มชาขมิ้นจำนวนมากมันอาจเป็นเรื่องยากสำหรับคุณที่จะบริโภคขมิ้นให้เพียงพอเพื่อรักษากรดไหลย้อน สารสกัดจากขมิ้นอินทรีย์อาจเป็นวิธีที่ดีกว่าในการรับยาวิธีหนึ่งในการเพิ่มการดูดซึมขมิ้นคือ การบริโภคด้วยไพเพอรีน มักพบในพริกไทยดำ โดยข้อเสียของขมิ้นคือ เป็นทินเนอร์เลือดธรรมชาติ ดังนั้นจึงไม่ควรใช้ควบคู่กับยาที่ทำให้เลือดบาง และผู้ป่วยโรคเบาหวานไม่ควรใช้ขมิ้น มันสามารถทำให้น้ำตาลในเลือดของคุณไปถึงระดับต่ำและอันตราย ขมิ้นอาจลดน้ำตาลในเลือด ลดความดันโลหิตและทำให้ปัญหาถุงน้ำดีแย่ลง และการทานขมิ้นเป็นเวลานาน หรือในปริมาณสูงอาจเพิ่มความเสี่ยงของอาการอาหารไม่ย่อยคลื่นไส้และท้องเสีย  ถ้าเป็นเช่นนั้นการรักษานี้อาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดสำหรับคุณและคุณควรหยุดการรักษา ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรไม่ควรใช้ขมิ้นในปริมาณที่มากเกินไป

ตัวเลือกการรักษากรดไหลย้อนอื่น ๆ
หากคุณมีอาการแสบร้อนกลางอกเป็นครั้งคราว คุณอาจสามารถรักษาได้ด้วยตัวเองด้วยการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต คือ การกินมื้อเล็ก ๆ ไม่นอนหลังจากกินอาหาร เลิกสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงเสื้อผ้ารัดรูปที่รัดบริเวณท้อง หากคุณมีน้ำหนักเกินควรปรึกษานักโภชนาการเพื่อช่วยจัดการน้ำหนักของคุณ ซึ่งสามารถช่วยบรรเทาอาการ ลดอาหารรสเผ็ดและอาหารที่เป็นกรดแลมีไขมันสูง 

ข้อควรปฏิบัติเมื่อจะใช้ขมิ้นชัน
ควรใช้ขมิ้นควบคู่กับพริกไทยดำหรือเลือกอาหารเสริมที่มีไพเพอรีเพื่อเพิ่มความสามารถของร่างกายในการดูดซับและใช้เคอร์คูมิน ขมิ้นสามารถทำหน้าที่เป็นทินเนอร์เลือด  คุณไม่ควรทานขมิ้นควบคู่ไปกับยาต้านการแข็งตัวของเลือด คุณอาจประสบกับผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์หากคุณทานขมิ้นมากกว่า 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน อาจใช้เวลาสองสามสัปดาห์เพื่อดูว่าขมิ้นช่วยให้อาการของคุณหรือไม่  หากพวกเขาไม่พัฒนาหรือแย่ลงคุณควรหยุดใช้และปรึกษาแพทย์ของคุณ
 
3.กล้วยน้ำว้าดิบ
เป็นผลไม้ที่หาได้ง่าย ราคาถูก แต่สรรพคุณทางยามากมาย หากทาน กล้วยน้ำว้าดิบ จะช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหารได้เพราะในกล้วยดิบมีสารที่ชื่อว่า แทนนิน มีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย และยังมีสารอีกตัวที่สำคัญคือ เซโรโทนิน ที่จะช่วยกระตุ้นให้กระเพาะอาหารผลิตเยื่อเมือกมากขึ้น จึงช่วยเคลือบแผลที่กระเพาะ ลดการระคายเคือง ความแสบร้อนลงได้ กล้วยน้ำว้าดิบจึงมีฤทธิ์ทั้งช่วยป้องกันและรักษาแผลในกระเพาะอาหารอีกด้วย
แทนนิน กล้วยดิบสรรพคุณ รักษาแผลในกระเพาะอาหาร
กล้วยดิบมีปริมาณของสารแทนนิน สูงกว่ากล้วยสุก มีคุณสมบัติสามารถตกตะกอนโปรตีน ช่วยในการสมานเเผล รักษาเเผลในกระเพาะอาหาร และลำไส้ได้ ซึ่งสาเหตุมาจากอาการกรดไหลย้อน
นอกจากนี้กล้วยยังเป็นตัวช่วยในขับถ่ายได้ เพราะมีสารสำคัญ คือ เพคติน  คาร์โบไฮเดรตโมเลกุลใหญ่ที่ร่างกายไม่สามารถย่อยได้ ทำให้มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มกากใยในอุจจาระเเละลำไส้ได้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับถ่ายได้คล่อง โดยไม่ต้องออกเเรงเบ่งหรือทำให้เกิดภาวะท้องผูกสาเหตุของ

การเกิดโรคริดสีดวง
ผงกล้วยดิบ รักษาอาการกรดไหลย้อน แก้อาการท้องเสีย
กรดไหลย้อน เกิดจากปริมาณกรดหรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหารมีปริมาณมากหรือล้น ไหลย้อนกลับขึ้นไปสู่หลอดอาหาร ส่งผลให้เกิดอาการแสบร้อนกลางหน้าอกหรือมีการเรอเปรี้ยว ร่วมไปถึงทำให้เกิดอาการไอหรือเจ็บหน้าอกได้ เนื่องจากอาการกรดไหลย้อน อาจทำให้เกิดเเผลในหลอดอาหารและกระเพาะอาหารส่วนบนได้ วิธีการกินกล้วยดิบที่ดีอย่างหนึ่ง คือการนำผงกล้วยดิบ ชงดื่ม  โดยใช้วิธีชงดื่มครั้งละ 10 กรัม กับน้ำร้อน ปริมาณ 120-200 มิลลิลิตร วันละประมาณ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร เช้า กลางวัน และเย็น เป็นประจำทุกวันสม่ำเสมอจนกว่าอาการจะดีขึ้น ข้อดีของการชงดื่ม คล้ายคลึงกับการกินยาในรูปแบบของยาต้ม ที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ดีและเร็วกว่า สามารถช่วยรักษาแผลตามทางเดินอาหารส่วนต้นของเราได้ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยรักษาอาการท้องเสียได้อีกด้วย

กล้วยดิบสรรพคุณ 
กล้วยดิบเเคปซูล รักษาโรคกระเพาะอาหาร โรคกระเพาะอาการ เป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบหรือเกิดการระคายเคืองบริเวณเยื่อบุภายในกระเพาะอาหาร มีอาการปวดแสบร้อน จุกบริเวณลิ้นปี่ และมีอาการของกรดไหลย้อนร่วมด้วย คือมีอาการแสบร้อนบริเวณหน้าอก และเรอเปรี้ยว
สำหรับแคปซูลผงกล้วยดิบ ปริมาณ 300 – 400 มิลลิกรัม ครั้งละ  2  แคปซูล วันละ 2 เวลา ก่อนอาหารและก่อนนอน เเละดื่มน้ำตามมากๆ แต่หากรับประทานแล้วมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อ ให้กินร่วมกับน้ำขิง เพราะคุณสมบัติของขิง มีฤทธิ์ขับลม แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยบรรเทาอาการดังกล่าวได้ หรือแนะนำให้กินร่วมกับขมิ้นชัน ที่มีคุณสมบัติช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และรักษาโรคกระเพาะอาหารได้เป็นอย่างดีด้วย

ข้อควรระวัง กล้วยดิบ
อย่างไรก็ตามเนื่องจากกล้วยดิบมีปริมาณของสารแทนนินสูง ไม่แนะนำในผู้ที่มีอาการท้องผูกและกินผงกล้วยดิบติดต่อกันเป็นเวลานานเพราะอาจทำให้เกิดอาการท้องผูกและอืดได้ ดังนั้นเมื่อมีอาการดีขึ้นควรหยุดกินและหันมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารให้เป็นเวลา กินอาหารให้หลากหลาย และหมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอด้วย
 
4. L-methionine(เมไธโอนีน)กรดอะมิโน ช่วยในการย่อยสลายไขมัน
     เมไทโอนีน จัดอยู่ในกลุ่ม กรดอะมิโนจำเป็น  เนื่องจากร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์เองได้ จึงจำเป็นต้องได้รับจากการรับประทานอาหาร เมไทโอนีนเมื่อรวมกับกรดอะมิโนไลซีน (lysine)แล้ว ยังสามารถช่วยในการสังเคราะห์ แอล-คาร์นิทีน (L-carnitine) ซึ่งช่วยในการเผาผลาญไขมันได้อีกด้วย เมไทโอนีน เป็นกรดอะมิโนที่ช่วยในการย่อยสลายไขมัน มีบทบาทสำคัญในการช่วยป้องกันการสะสมของไขมันในตับ เมไธโอนีนยังมีประโยชน์ต่อผู้หญิงที่รับประทานยาคุมกำเนิด เพราะช่วยเพิ่มการขับเอสโทรเจนส่วนเกินออกจากร่างกายได้  เมไทโอนีน จัดเป็นแหล่งที่ให้ซัลเฟอร์(Sulfur) หรือที่เราเรียกว่ากำมะถัน และสารประกอบอื่น ๆ ที่จำเป็นแก่ร่างกาย โดยร่างกายจะใช้กำมะถันสำหรับการเผาผลาญและการเจริญเติบโตตามปกติ หากร่างกายขาดหรือมีปริมาณของกำมะถันที่ไม่เพียงพอ ร่างกายจะไม่สามารถสร้างสารต้านอนุมูลอิสระ และจะไม่สามารถนำสารต้านอนุมูลอิสระที่ได้รับมาจากแหล่งต่างๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้เมไทโอนีน ช่วยเสริมประสิทธิการทำงานของตับอ่อน จึงช่วยแก้ปัญหาระบบการย่อยอาหาร ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น เมไทโอนีนจัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีความสำคัญ เช่นเดียวกับ ซีสเทอีน เพราะมีซัลเฟอร์เป็นส่วนประกอบ จึงสามารถช่วยปกป้องร่างกายจากสารพิษและอนุมูลอิสระได้ และหากร่างกายเราขาดเมไทโอนีน อาจทำให้ประสิทธิภาพในการขับปัสสาวะลดลงส่งผลให้ตัวบวมได้ เนื่องจากมีน้ำคั่งในเนื้อเยื่อ และอาจส่งผลให้ติดเชื้อต่างๆได้ง่ายขึ้น
 
L-Methionine จัดเป็นกรดอะมิโนจำเป็น ร่างกายเราไม่สามารถสร้างเองได้ หน้าที่จะมีหลายส่วน หลักๆก็ตามนี้ค่า
1.ช่วยในการย่อยสลายไขมัน ป้องกันการสะสมของไขมันในตับ
2.ช่วยป้องกันการเกิดโรคซึมเศร้า
3.เป็น Anti-oxidant
4.เสริมประสิทธิภาพการทำงานของตับอ่อน จึงช่วยแก้ปัญหาระบบการย่อยอาหาร ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
5.มีสรรพคุณช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร และแผลในลำไส้
6.ลดอาการปวดท้อง
7.ลดกรดเกินในกระเพาะอาหาร

รับผลิตสมุนไพรและอาหารเสริม